ក្រសួងការពារជាតិ Cambodian National Defense Ministry : ថៃមានផែនការ.​វា.យ.លុក​មកលើ​ប្រទេស​កម្ពុជា​នៅយប់នេះ (03-08-2025) ដោយបានប្រាប់ឱ្យ​ពលរដ្ឋ​ខ្លួនតាមព្រំដែនជម្លៀសចេញឱ្យអស់...អ្នកនាំពាក្យក្រសួងការពារជាតិ៖ យោធា​ថៃ​ រៀបចំផែនការវាយលុកនៅតាមបណ្តោយព្រំដែន​កម្ពុជា​ ចាប់ពីតំបន់ប្រាសាទតាមាន់​ ដល់ប្រាសាទតាក្របី​ ប្រាសាទព្រះវិហារ​ រហូតដល់តំបន់អានសេះ....

Thursday, December 4, 2025

កាំជ្រួចការពារអាកាស Barak 8 - IAI BARAK-MX

កាំជ្រួចការពារអាកាស Barak 8ផលិតរួមគ្នារវាង ឥណ្ឌា និង អ៊ីស្រាអែល មានទម្ងន់ ២៧៥ គក/ដើម ចែកជា ០៤ កំណាត់ គឺ ១, ផ្នែកខាងក្រោយជា ម៉ាស៊ីនរុញ ២, ក្បាលគ្រាប់រំសេវ មានទម្ងន់ ១៦០ គក ទី៣, ដុំឈីប កំព្យុទ័រ សម្រាប់ស្វែងរកគោលដៅ និង ៤, គឺជា ចុងគ្រាប់កាំជ្រួចស្រាប់បុកនៃបំបែកអំបែង។។ កាំជ្រួចការពារអាកាស Barak មាន ០៨/ កញ្ច្រែង។ កម្ពស់បាញ់ ១៦ គម ចម្ងាយបាញ់ ១០០ គម។
កងទ័ពអាកាសថៃ នឹងទិញប្រព័ន្ធការពារអាកាស «Barak MX» ពីអ៊ីស្រាអែល តម្លៃ ១០៧ លានដុល្លារ
🇹🇭កងទ័ពអាកាសភូមិន្ទថៃបានប្រកាសទិញប្រព័ន្ធការពារដែនអាកាស IAI BARAK-MX ក្នុងតម្លៃ ៣,៤ ពាន់លានបាតស្មើ១០២លាន$ ដើម្បីការពារមូលដ្ឋានទ័ព និងស្ទាក់ចាប់ការគំរាមកំហែង។ ចោរលុយច្រើន
ប្រព័ន្ធល្បីៗទាំង ១០  (https://autojournalism.com/top-10-best-air-defence-system-in-the-world/)គឺ
10: Iron Dome ( Best Air Defence System ) 👈
9: BARAK-8 ( MR-SAM ) ( Best Air Defence System )  👈
8: Medium Extended Air Defence System (MEADS) ( Best Air Defence System ) 👈
7: Aster 30 SAMP/T ( Best Air Defence System ) 👈
6: Hong Qi 9 (HQ-9) ( Best Air Defence System ) 👈
5: MIM-104 Patriot ( Best Air Defence System ) 👈
4: THAAD (Terminal High Altitude Area Defense) ( Best Air Defence System ) 👈
3: S-300VM (Antey-2500) ( Best Air Defence System ) 👈
2: David’s Sling ( Best Air Defence System ) 👈
1: S-400 Triumph ( Best Air Defence System ) 👈

ចំណុចខុសគ្នានៃ ប្រព័ន្ធកាំជ្រួចការពារអាកាស គឺ ល្បឿនក្បាលគ្រាប់ និង វិស្វកម្ម ឧ កាំជ្រួចរុស្សី ១ ប្រព័ន្ធ S-400 អាចបាញ់បាន គ្រប់ ស្រទាប់ចម្ងាយ ដូចជា ៤០ គម, ៧០ គម, ៩០ គម, ១៥០ គម, ៤០០ គម ខុសពី ប្រព៍ន្ធកាំជ្រួច អាមេរិក ណាតូ ដែលលក់រាយ គឺ ចម្ងាយ ៤០ គម ត្រូវមានកាជ្រួច ១ ប្រព័ន្ធ ចម្ងាយ ៧០ គម ត្រូវមាន ១ ប្រព័ន្ធផ្សេងទៀត ដែួលទាមទារ អ្នកទិញចំណាយលុយច្រើន !! ចំណែក ល្បឿន គឺ S-400 មានល្បឿនគ្រាប់ ៤,៨០០មែត្រ/វិនាទី ធៀបជាមួយ កាំជ្រួច  Barak 8 មានល្បឿន ១,០៣០ មែត្រ/​វិនាទី

Operational range រយៈចម្ងាយតាមប្រភេទគ្រាប់
  1. 0.5–70 km (0.31–43.50 mi)[4] (single-stage rocket) version: Barak-8 MRSAM, Barak LRAD (IAI version)
  2. 0.5km-100 km[5][6] (single stage rocket) version: Barak-8 LRSAM (IAI-DRDO version)
  3. ?km-150 km[4]version (2-stage rocket): Barak ER (IAI version)
Flight ceiling រយៈកម្ពស់តាមប្រភេទគ្រាប់
  1. 16 km (9.9 mi)[citation needed]
  2. 20 km (12 mi): Barak LRAD & MRAD (IAI versions)
  3. 30 km (19 mi) Barak ER (IAI version)
Maximum speed ល្បឿនក្បាលគ្រាប់
  1. Mach 3 (1030 m/s)
  2. Mach 2: Barak-8 MRSAM (or only earlier versions?)
Barak 8 (Hebrew: בָּרָק, lit. "Lightning"), also known as LR-SAM or as MR-SAM is an Indo-Israeli surface-to-air missile (SAM), designed to defend against any type of airborne threat including aircraft, helicopters, anti-ship missiles, and UAVs as well as ballistic missiles, cruise missiles and combat jets. Both maritime and land-based variants of the system exist.
ASEAN Defense Studies Thailand buys Israel’s BARAK MX air defense system The Royal Thai Air Force has selected the BARAK MX air and missile defense system from Israel Aerospace Industries (IAI) as part of its plan to upgrade national base protection under its Integrated Air Defense System (IADS) program. The procurement contract, valued at 3.44 billion baht (approx. $107 million), includes one full BARAK MX unit, making it the most advanced air defense asset in Thailand’s arsenal to date. According to the official announcement, the BARAK MX system was chosen to counter evolving air threats, including drones and long-range missiles. The high-to-medium altitude defense system will replace older capabilities and enhance multi-layered protection for key strategic locations. Thailand’s decision to invest in a HIMAD (High to Medium Air Defense) system comes amid growing regional concerns. Neighboring states such as Cambodia and Myanmar are fielding long-range strike assets including China’s PHL-03 rocket systems (130 km) and North Korea’s Scud-class ballistic missiles (300–700 km). The proliferation of UAVs, loitering munitions, and cruise missiles further increases the need for reliable intercept solutions. The Royal Thai Army and Navy are also reported to be evaluating the BARAK MX system for future procurement, potentially expanding its use across services to provide a joint operational air defense network. Military Weapons 

อาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหาร  · จัดซื้ออาวุธ‼️ สิ้นสุดการรอคอย…. กองทัพอากาศไทย (Royal Thai Air Force: RTAF) 🇹🇭 เลือกบริษัท Israel Aerospace Industries Ltd. (IAI) รัฐอิสราเอล เป็นผู้ชนะการเสนอราคาในโครงการพัฒนาการป้องกันฐานที่ตั้งทางทหารของกองทัพอากาศ (Integrated Air Defence System: IADS) จัดซื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศระดับสูงถึงปานกลาง (High to Medium Air Defense: HIMAD) แบบ “BARAK MX” จำนวน 1 ระบบ วงเงิน 3,440.37 ล้านบาท ($107 million) ซึ่งจะเป็นระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบแรกของกองทัพไทย (Royal Thai Armed Forces: RTARF) ที่สามารถยิงสกัดกั้นภัยคุกคามจากขีปนาวุธทางยุทธวิธี หรือขีปนาวุธทิ้งตัวแบบพิสัยสั้น (Tactical Ballistic Missile: TBM) โดยมีขีดความสามารถ* ใช้ยิงสกัดกั้น PHL-03 (AR-2) ของกัมพูชาได้ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา กรมส่งกำลังบำรุงทหารอากาศ (Directorate of Logistics) ได้ออกประกาศผู้ชนะการเสนอราคาในโครงการพัฒนาการป้องกันฐานที่ตั้งทางทหารของกองทัพอากาศ (Integrated Air Defence System: IADS) โดยประกาศมีรายละเอียด ดังนี้ “ประกาศกรมส่งกำลังบำรุงทหารอากาศ เรื่อง ประกาศผู้ชนะการเสนอราคา ซื้อโครงการพัฒนาการป้องกันฐานที่ตั้งทางทหารของกองทัพอากาศ (IADS) โดยวิธีคัดเลือก…. ตามที่ กรมส่งกำลังบำรุงทหารอากาศ ได้มีหนังสือเชิญชวนสำหรับซื้อตามโครงการพัฒนาการป้องกันฐานที่ตั้งทางทหารของกองทัพอากาศ (IADS) นั้น การซื้อตามโครงการพัฒนาการป้องกันฐานที่ตั้งทางทหารของกองทัพอากาศ (IADS) ผู้ได้รับการคัดเลือก ได้แก่ บริษัท ISRAEL AEROSPACE INDUSTRIES LTD.(IAI) รัฐอิสราเอล โดยเสนอราคา รวมเป็นราคาสุทธิ ๓,๔๔๐,๓๗๐,๐๐๐ บาท เป็นราคา Delivered at Place International Commercial Terms of 2020 (DAP INCOTERMS 2020) ณ กรมทหารต่อสู้อากาศยาน หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน หรือพื้นที่ที่กองทัพอากาศกำหนด รวมค่าขนส่ง ค่าประกันภัย ไม่รวมค่าอากรศุลกากรขาเข้าประเทศไทย ไม่รวมภาษีหัก ณ ที่จ่ายร้อยละ ๑ ตามอนุสัญญาภาษีซ้อน และไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๗ ยกเว้น ค่าติดตั้ง การฝึกอบรมบริการทางเทคนิค และการถ่ายทอดเทคโนโลยีทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เป็นราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๗ ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๘” ก่อนหน้านี้ กรมยุทธการทหารอากาศ (Directorate of Operations) กองทัพอากาศไทย (RTAF) ได้ประกาศเผยแพร่แผนการจัดซื้อจัดจ้าง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รหัสเผยแพร่แผน M67100038049 ลงวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2567 โดยมีแผนการจัดซื้อจัดจ้างรวม 5 รายการ ซึ่ง 1 ใน 5 นั้น ในรายการลำดับที่ 4 รหัสแผนจัดซื้อจัดจ้าง P๖๗๑๐๐๑๑๒๔๗๕ จะเป็น “โครงการพัฒนาการป้องกันฐานที่ตั้งทางทหารของกองทัพอากาศ (การป้องกันทางอากาศแบบบูรณาการ - Integrated Air Defense System: IADS) หรือโครงการจัดหาระบบการป้องกันภัยทางอากาศระดับสูงถึงปานกลาง (High to medium air defense: HIMAD) งบประมาณโครงการ 3,500 ล้านบาท ($101 million) ต่อมาวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา กรมยุทธการทหารอากาศ กองทัพอากาศไทย ได้เผยแพร่ประกาศราคากลาง สำหรับโครงการพัฒนาการป้องกันฐานที่ตั้งทางทหารของกองทัพอากาศ ซึ่งเป็นการป้องกันทางอากาศแบบบูรณาการ (Integrated Air Defense System: IADS) หรือ โครงการจัดหาระบบการป้องกันภัยทางอากาศระดับสูงถึงปานกลาง (High to Medium Air Defense: HIMAD) หน่วยงานเจ้าของโครงการ คือ กรมยุทธการทหารอากาศ กองทัพอากาศ วงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร 3,500 ล้านบาท วันที่กำหนดราคากลาง (ราคาอ้างอิง) ณ วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 เป็นเงิน 3,440,470,005 บาท (โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยน 1 ยูโร เท่ากับ 37.3761 บาท ของธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2568) โดยมีแหล่งที่มาของราคากลาง (ราคาอ้างอิง) 3 ราย คือ บริษัท Israel Aerospace Industries (IAI), บริษัท Rafael Advanced Defense Systems Ltd. และบริษัท Excalibur International a.s. ตามสมุดปกขาวกองทัพอากาศ ฉบับใหม่ พ.ศ. 2568 (RTAF White Paper 2025) กองทัพอากาศมีแผนการจัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยกลาง - ไกล จำนวน 3 ระยะ แบ่งเป็น ระยะที่ 1 ปีงบประมาณ 2568 - 2571 กองทัพอากาศ มีโครงการพัฒนาการป้องกันฐานที่ตั้งทางทหารของกองทัพอากาศ (IADS) โดยเป็นการจัดหาระบบป้องกันทางอากาศพิสัยกลาง (Medium Range Air Defense System: MRAD) จำนวน 1 ระบบ พร้อมอะไหล่ การฝึกอบรม และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็น โดยมีระยะยิงไกลไม่น้อยกว่า 30 ไมล์ทะเล หรือ 55.56 กิโลเมตร ส่วนระยะที่ 2 - 3 ปีงบประมาณ 2571 - 2574 และ 2573 - 2576 กองทัพอากาศ มีโครงการจัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยกลาง/ ไกล พร้อมอุปกรณ์ อะไหล่ การฝึกอบรม และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็น โครงการพัฒนาการป้องกันฐานที่ตั้งทางทหารของกองทัพอากาศ (Integrated Air Defence System - IADS) เป็นโครงการที่กองทัพอากาศจัดทำขึ้น เพื่อเพิ่มความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศ และฐานทัพอากาศจากการโจมตี โครงการนี้เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อ และติดตั้งระบบป้องกันภัยทางอากาศ รวมถึงการฝึกอบรมบุคลากร โดย IADS ครอบคลุมโครงสร้าง อุปกรณ์ บุคลากร ขั้นตอน และอาวุธที่ใช้ในการต่อสู้กับศัตรูในอากาศ และ IADS เป็นส่วนสำคัญในการรักษาความมั่นคงของประเทศ และปกป้องฐานทัพอากาศจากการโจมตีทางอากาศ การพัฒนา IADS ที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยเพิ่มความสามารถในการต่อสู้กับศัตรูในอากาศ และรักษาความปลอดภัยของประเทศ…. องค์ประกอบหลักของโครงการ IADS ได้แก่ การจัดซื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศ รวมถึงระบบตรวจจับ ระบบควบคุม และระบบอาวุธ, การติดตั้งระบบป้องกันภัยทางอากาศในฐานทัพอากาศ, การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ เพื่อใช้งาน และบำรุงรักษาระบบ, การพัฒนา และปรับปรุงระบบบัญชาการ และควบคุม (N-SOC C2) รวมไปถึงการจัดหาอุปกรณ์สื่อสาร และทดแทนระบบวิทยุภาคพื้นดิน - อากาศ…. เป้าหมายของโครงการ IADS คือ การเพิ่มความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศ และลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางอากาศ, การปกป้องฐานทัพอากาศ จากการโจมตีทางอากาศต่อฐานทัพอากาศ รวมไปถึงการเสริมสร้างกำลังป้องกันประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเสริมสร้างกำลังป้องกันประเทศโดยรวม การป้องกันทางอากาศระดับสูงถึงปานกลาง (High to Medium Air Defense: HIMAD) เป็นกลุ่มของอาวุธต่อต้านอากาศยาน (Anti Aircraft Weapons) และยุทธวิธีที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันภัยคุกคามทางอากาศในระดับความสูงถึงปานกลาง โดยหลักแล้ว คือ การป้องภันภัยจากเครื่องบิน และขีปนาวุธต่าง ๆ โดยการป้องกันทางอากาศระดับสูงถึงปานกลาง (High to Medium Air Defense: HIMAD) มีส่วนเสริม ได้แก่ การป้องกันทางอากาศระยะสั้น (Short Range Air Defense: SHORAD) และการป้องกันทางอากาศในระดับสูง (Terminal High Altitude Area Defense: THAAD) โดยแบ่งการป้องกันทางอากาศของสนามรบออกเป็นโดมที่รับผิดชอบตามระดับความสูง และระยะอาวุธป้องกัน ภารกิจป้องกันภัยทางอากาศภาคพื้นดิน (GBAD) ทำให้กองทัพต้องเผชิญกับภัยคุกคามทางอากาศที่หลากหลาย ตั้งแต่โดรนไปจนถึงขีปนาวุธวิถีโค้งทางยุทธวิธี ระบบป้องกันภัยทางอากาศโดยทั่วไปมักมาจากผู้ผลิตหลายราย ทำให้มีข้อจำกัดด้านการเชื่อมต่อ และการทำงานร่วมกัน ในยุคของระบบป้องกันภัยทางอากาศ และขีปนาวุธที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ จำเป็นต้องมีระบบที่สามารถผสานเซนเซอร์ต่างชนิด และระบบบริหารการรบเข้ากับจรวดสกัดกั้นประสิทธิภาพสูงได้อย่างไร้รอยต่อ ปรับแต่งให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้งาน และรองรับภัยคุกคามที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องได้ “BARAK MX” คือ ระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ทำงานบนเครือข่ายเต็มรูปแบบ ด้วยสถาปัตยกรรมแบบเปิด และการออกแบบเชิงโมดูลาร์ สามารถรวมเซนเซอร์ ระบบควบคุมการรบ และจรวดสกัดกั้นเข้าด้วยกันเป็นระบบเดียว ความสามารถในการเชื่อมต่อของ BARAK MX ทำให้สามารถขยายพื้นที่ป้องกันได้โดยการเชื่อมโยงหลายหน่วยยิงเข้าด้วยกัน หน่วยยิงสามารถใช้ทรัพยากรของหน่วยอื่น เพื่อสกัดเป้าหมายที่อยู่นอกเหนือระยะยิงของตนเอง นอกจากนี้ยังสามารถบูรณาการระบบป้องกันภัยทางอากาศภาคพื้นดิน (GBAD) และระบบป้องกันภัยทางอากาศทางเรือเข้าด้วยกันในเครือข่ายป้องกันหลายชั้น “BARAK MX” เป็นระบบป้องกันภัยทางอากาศ และขีปนาวุธแบบบูรณาการที่ล้ำสมัย หรือระบบป้องกันภัยทางอากาศขั้นสูงที่ปรับเปลี่ยนได้ พัฒนาโดย Israel Aerospace Industries (IAI) มีจุดเด่น คือ การกำหนดค่าใช้งานที่ยืดหยุ่น รองรับทั้งภารกิจทางเรือ และภาคพื้นดิน สามารถมอบการป้องกันแบบครอบคลุมต่อภัยคุกคามทางอากาศหลายเป้าหมายจากหลายทิศทาง และหลายระยะพร้อมกัน รองรับการใช้เซนเซอร์หลายชนิดร่วมกับระบบบริหารการรบแบบบูรณาการ ซึ่งมีจรวดสกัดกั้นให้เลือก 4 ระยะ ทุกแบบใช้ระบบนำวิถี Active RF Seeker นอกจากนี้ ยังใช้เรดาร์ดิจิทัลขั้นสูงสำหรับการตรวจจับภัยคุกคามจากขีปนาวุธ และเป็นระบบที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ สามารถปรับปรุง และพัฒนาในอนาคตได้ ถือว่าเป็นโซลูชั่นที่มีเครือข่ายเป็นศูนย์กลางโดยสมบูรณ์ มีสถาปัตยกรรมระบบเปิด และการออกแบบโมดูลาร์ ซึ่งผสานรวมเซ็นเซอร์ การจัดการการรบ และเครื่องสกัดกั้นต่าง ๆ เข้ากับระบบที่เป็นหนึ่งเดียวได้อย่างราบรื่น การเชื่อมต่อที่เป็นเอกลักษณ์ของ Barak MX ช่วยให้สามารถขยายพื้นที่ป้องกันโดยการเชื่อมต่อหลายหน่วยเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ยังช่วยให้สามารถบูรณาการการป้องกันทางอากาศภาคพื้นดิน (Ground Based Air Defense: GBAD) และการป้องกันทางอากาศทางเรือ ภายใต้เครือข่ายหลายชั้นร่วมกัน เพิ่มประสิทธิภาพ และปฏิเสธการเข้าถึงของศัตรู หรือการโจมตีด้วยขีปนาวุธ โดยจรวดสกัดกั้นของ BARAK MX ได้รับการออกแบบเป็นจรวดพื้นสู่อากาศโดยเฉพาะ ไม่ใช่จรวดอากาศสู่อากาศที่ดัดแปลงมา ทำให้มีขนาด และเส้นผ่านศูนย์กลางเหมาะสมกว่า ซึ่งให้ประสิทธิภาพเหนือกว่าในบทบาทภาคพื้นดิน ด้วยเหตุนี้ BARAK MX จึงมีข้อได้เปรียบจากจรวดสกัดกั้น 4 รุ่น ดังนี้ “BARAK SR (Short Range Robust Interceptor) มีพิสัยยิง 15 กิโลเมตร ที่ความสูง 9 กิโลเมตร (29,528 ฟุต) อาวุธพร้อมยิงต่อ 1 แท่นสูงสุด 15 นัด มีเป้าหมาย คือ เครื่องบินรบ, ฝูงอากาศยานไร้คนขับ (UAV Swarms), อาวุธ Loitering Munitions, เฮลิคอปเตอร์ (Helicopter), ขีปนาวุธร่อนเหนือทะเลระดับต่ำ และขีปนาวุธร่อน (Sea-skimming and Cruise Missiles) ใช้ในภารกิจการป้องกันเฉพาะจุด (Point Defence), การป้องกันพื้นที่ (Area Defence) และการคุ้มครองกำลังรบ (Force Protection) BARAK MR (Medium Range Robust Interceptor)ใช้มอเตอร์จรวดพัลส์เดี่ยว (Single-pulse) มีระยะยิง 35 กิโลเมตร ที่ความสูง 20 กิโลเมตร (65,617 ฟุต) มีความคล่องตัว 50G อาวุธพร้อมยิงต่อ 1 แท่นสูงสุด 8 นัด มีเป้าหมาย คือ ภัยคุกคามทุกประเภท (Any Threat) ได้แก่ เครื่องบินรบ, ขีปนาวุธร่อนเหนือทะเลระดับต่ำ และขีปนาวุธร่อน (Sea-skimming and Cruise Missiles), อากาศยานไร้คนขับ (UAVs), เฮลิคอปเตอร์ (Helicopter) และระเบิดร่อนนำวิถี (Gliding Bombs) ใช้ในภารกิจทุกรูปแบบ (Any Mission) ได้แก่ การป้องกันเฉพาะจุด (Point Defense) และการป้องกันพื้นที่ (Area Defense) BARAK MR มีความสามารถในการยิงแบบตั้งฉาก (Vertical Launch) ครอบคลุมพื้นที่ 360° ตอบสนองอย่างรวดเร็ว มีระยะยิงสั้นสุดต่ำ และติดตั้งหัวตรวจจับแบบคลื่นวิทยุ (RF seeker) ขั้นสูง สำหรับเป้าหมายที่มีค่าตัดขวางเรดาร์ต่ำ และมีความคล่องตัวสูง BARAK LR (Long Range Robust Interceptor) ใช้มอเตอร์จรวดพัลส์คู่ (Dual-pulse) มีระยะยิง 70 กิโลเมตร ที่ความสูง 20 กิโลเมตร (65,617 ฟุต) มีความคล่องตัว 50G อาวุธพร้อมยิงต่อ 1 แท่นสูงสุด 8 นัด มีเป้าหมาย คือ ภัยคุกคามทุกประเภท (Any Threat) ได้แก่ เครื่องบินรบ, ขีปนาวุธร่อนเหนือทะเลระดับต่ำ และขีปนาวุธร่อน (Sea-skimming and Cruise Missiles), ขีปนาวุธวิถีโค้ง หรือขีปนาวุธทิ้งตัวทางยุทธวิธี (Tactical Ballistic Missiles: TBM), อากาศยานไร้คนขับ (UAVs), เฮลิคอปเตอร์ (Helicopters) และระเบิดร่อนนำวิถี (Gliding Bombs) ใช้ในภารกิจทุกรูปแบบ (Any Mission) ได้แก่ การป้องกันเฉพาะจุด (Point Defense), การป้องกันพื้นที่ (Area Defense) และการป้องกันขีปนาวุธวิถีโค้ง (Ballistic Missile Defense) Barak LR มีความสามารถในการยิงแบบตั้งฉาก (Vertical Launch) ครอบคลุมพื้นที่ 360° ตอบสนองอย่างรวดเร็ว มีระยะยิงสั้นสุดต่ำ และติดตั้งหัวตรวจจับแบบคลื่นวิทยุ (RF seeker) ขั้นสูงสำหรับเป้าหมายที่มีค่าตัดขวางเรดาร์ต่ำ และมีความคล่องตัวสูง ลายเซ็นการยิงต่ำ (Low Launch Signature), ความคล่องตัวสูง (High Maneuverability), กำลังทำลายสูง – หัวรบมีประสิทธิภาพ (Robust kill – Effective Warhead), หัวตรวจจับเรดาร์แบบแอคทีฟ (Active Radar Seeker), สามารถโจมตีหลายเป้าหมายพร้อมกันได้ (Multiple Simultaneous Engagements), การตรวจจับเป้าหมายรวดเร็ว และเชื่อถือได้ (Fast and Reliable Target Acquisition) และทนต่อมาตรการรบกวนอิเล็กทรอนิกส์สูง (High Immunity to ECM) BARAK ER (Extended Range Interceptor) ใช้มอเตอร์จรวดพัลส์คู่ (Dual-pulse) พร้อมบูสเตอร์ มีระยะยิง 150 กิโลเมตร ที่ความสูง 30 กิโลเมตร (98,425 ฟุต) มีความคล่องตัว 50G อาวุธพร้อมยิงต่อ 1 แท่นสูงสุด 8 นัด มีเป้าหมาย คือ ภัยคุกคามทุกประเภท (Any Threat) ได้แก่ เครื่องบินรบ, ขีปนาวุธร่อนเหนือทะเลระดับต่ำ และขีปนาวุธร่อน (Sea-skimming and Cruise Missiles), ขีปนาวุธวิถีโค้ง หรือขีปนาวุธทิ้งตัวทางยุทธวิธี (Tactical Ballistic Missiles: TBM), อากาศยานไร้คนขับ (UAVs), เฮลิคอปเตอร์ (Helicopters) และระเบิดร่อนนำวิถี (Gliding Bombs) ใช้ในภารกิจทุกรูปแบบ (Any Mission) ได้แก่ การป้องกันเฉพาะจุด (Point Defense), การป้องกันพื้นที่ (Area Defense) และการป้องกันภัยคุกคามขีปนาวุธวิถีโค้งขั้นเสริม (Enhanced Ballistic Missile Defense) BARAK ER มีความสามารถในการยิงแบบตั้งฉาก (Vertical Launch) ครอบคลุมพื้นที่ 360° ตอบสนองอย่างรวดเร็ว มีระยะยิงสั้นสุดต่ำ และติดตั้งหัวตรวจจับแบบคลื่นวิทยุ (RF Seeker) ขั้นสูง สำหรับเป้าหมายที่มีค่าตัดขวางเรดาร์ต่ำ และมีความคล่องตัวสูง เพิ่มความสามารถในการสกัดกั้นขีปนาวุธวิถีโค้ง (Enhanced ATBM Capabilities), ลายเซ็นการยิงต่ำ (Low Launch Signature), ความคล่องตัวสูง (High Maneuverability), กำลังทำลายสูง – หัวรบมีประสิทธิภาพ (Robust kill – Effective Warhead), หัวตรวจจับเรดาร์แบบแอคทีฟ (Active Radar Seeker), สามารถโจมตีหลายเป้าหมายพร้อมกันได้ (Multiple Simultaneous Engagements), การตรวจจับเป้าหมายรวดเร็ว และเชื่อถือได้ (Fast and Reliable Target Acquisition) และทนต่อมาตรการรบกวนอิเล็กทรอนิกส์สูง (High Immunity to ECM)” *Loitering Munitions = อาวุธพเนจรโจมตี หรืออาวุธลอยตัว, อาวุธลอยลำ, อาวุธดักรออยู่กับที่, กระสุนลอยลำ, อาวุธลอยเคว้ง และโดรนพลีชีพ หรืออื่น ๆ แล้วแต่จะเรียก จรวดทั้งหมดยังใช้ชิ้นส่วนร่วมกันจำนวนมาก เครื่องสกัดกั้นทั้งหมดใช้องค์ประกอบหลายอย่างร่วมกัน และสามารถจัดการกับภัยคุกคามได้ในระยะตั้งแต่ 2 กิโลเมตรถึง 150 กิโลเมตร ที่ความสูง 9 - 30 กิโลเมตร (29,528 - 98,425 ฟุต) ระบบ BARAK MX มีเครื่องสกัดกั้นช่วยให้ได้เป้าหมายที่รวดเร็ว และเชื่อถือได้ พร้อมภูมิคุ้มกันขั้นสูงต่อมาตรการตอบโต้ทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Countermeasures: ECM) จรวดทุกรุ่นมีเครื่องค้นหาความถี่วิทยุขั้นสูงสำหรับภาคตัดขวางเรดาร์ต่ำ และเมื่อค้นหาเป้าหมายในการหลบหลีก และสามารถบรรทุกหัวรบขนาดใหญ่ได้ แท่นยิงในแนวตั้ง เพื่อให้ครอบคลุม 360° แท่นยิงสามารถติดตั้งขีปนาวุธได้ 8 - 15 นัด ขีปนาวุธ MRAD และ LRAD สามารถยิงได้ในระดับความสูง 20 กิโลเมตร ในขณะที่ขีปนาวุธ ER สามารถยิงได้สูงสุด 30 กิโลเมตร โดยมีความคล่องตัว 50G การเชื่อมโยงข้อมูลช่วยให้สามารถสื่อสารระหว่าง BMC และขีปนาวุธได้ ระบบ BARAK MX ประกอบด้วยเซ็นเซอร์แบบดั้งเดิม และเรดาร์หลายภารกิจ (MMR) แบบแบ่งเฟสบูรณาการร่วมกับดิจิทัลเต็มรูปแบบที่พัฒนาโดย IAI ติดตั้งเรดาร์อาเรย์สแกนอิเล็กทรอนิกส์แบบแอคทีฟ (AESA Radar) ที่พัฒนาโดย ELTA Systems ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ IAI เช่น ELM-2138 MMR และ ELM-2084 MMR ซึ่งสามารถปฏิบัติการเคลื่อนที่ได้ ระบบ MMR ของ ELTA เป็นระบบเรดาร์ AESA หลายลำแสง 3 มิติ พร้อมเทคโนโลยีแกลเลียมไนไตรด์ (Gallium Nitride: GaN) เรดาร์สามารถระบุ และตรวจสอบทั้งเครื่องบิน และเป้าหมายขีปนาวุธ รวมทั้งให้คำแนะนำในการควบคุมการยิงสำหรับการสกัดกั้นขีปนาวุธ หรือการป้องกันทางอากาศด้วยปืนใหญ่ เรดาร์มีจำหน่ายในขนาด และการกำหนดค่าที่แตกต่างกัน ระบบป้องกัน BARAK MX สามารถทำงานได้ในทุกสภาพอากาศ ทั้งกลางวัน และกลางคืน สามารถรับมือกับภัยคุกคามได้หลากหลาย เช่น เครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ ระเบิดร่อน ยานพาหนะทางอากาศไร้คนขับ และขีปนาวุธร่อน โดยในรุ่น ER มีขีดความสามารถในการสกัดกั้นขีปนาวุธทางยุทธวิธี (Tactical Ballistic Missile: TBM) สามารถนำไปใช้ในภารกิจการป้องกันเฉพาะจุด และการป้องกันพื้นที่ขนาดใหญ่ และสามารถปรับให้เข้ากับเงื่อนไขการต่อสู้การประสานงานของกองกำลังเฉพาะกิจได้ ซึ่งระบบ BARAK MX สามารถบูรณาการเข้ากับเซ็นเซอร์ที่มีอยู่ และเซ็นเซอร์ใหม่ได้ นอกจากนี้ ระบบ BARAK MX ยังสามารถต่อต้านโดรน โดยใช้มาตรการ Soft-kill ได้ โดยการรบกวน หรือตัดสัญญาณ ซึ่งทำให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการป้องกันโดรนบริเวณรอบสนามบินที่ได้รับการติดตั้ง เพราะไม่ต้องยิงจรวดสกัดกั้น IAI (Israel Aerospace Industries) คือ ผู้พัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธยุทธศาสตร์ของอิสราเอล รวมถึงระบบ Arrow สำหรับรับมือขีปนาวุธวิถีโค้ง ซึ่งปกป้องน่านฟ้าอิสราเอล และยังเป็นระบบที่เยอรมนีเลือกจัดหาในโครงการ European Sky Shield Initiative (ESSI) โดยอาศัยประสบการณ์ยาวนานของ IAI ในระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบหลายชั้น BARAK MX จึงกลายเป็นระบบป้องกันภัยระดับกลางถึงระยะไกลที่ถูกใช้งานจริงใน 4 ทวีป IAI ไม่ได้เชี่ยวชาญเพียงระบบป้องกันภัยเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้นำด้านระบบโจมตี รวมถึงระบบ Strike และ Loitering Munitions ความร่วมมือดังกล่าวช่วยยกระดับให้ BARAK MX มีประสิทธิภาพในการรับมือภัยคุกคามได้ดียิ่งขึ้น โดย BARAK MX เป็นระบบแบบโมดูลาร์ที่ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่ 1. ศูนย์ควบคุมการรบ BARAK BMC (Battle Management Centre) 2. จรวดสกัดกั้น BARAK และ 3. ชุดเซนเซอร์ และเรดาร์ ซึ่งองค์ประกอบทั้งสามสามารถจัดผสมผสานได้ตามลักษณะภัยคุกคาม…. BARAK BMC มีทั้งแบบติดตั้งบนยานเคลื่อนที่ แบบกางใช้งาน และแบบประจำที่ จัดสร้างภาพสถานการณ์ทางอากาศแบบรวมเป็นหนึ่งเดียว และเชื่อมต่อกับระบบบัญชาการควบคุมใด ๆ รวมถึงควบคุมการยิงของจรวดหลายระยะ…. จรวดสกัดกั้น BARAK มีความสามารถในการค้นหาเป้าหมายอย่างรวดเร็ว ทนต่อการรบกวนทางอิเล็กทรอนิกส์ ใช้ Active RF Seeker สำหรับสกัดเป้าขนาดเล็ก หรือเป้าหมายที่มีการหลบหลีก และติดตั้งหัวรบขนาดใหญ่ จรวดถูกยิงขึ้นในแนวดิ่ง เพื่อให้ครอบคลุม 360° มีเวลาตอบสนองสั้น และมีระยะยิงขั้นต่ำที่น้อย แท่นยิงหนึ่งชุดจุจรวดได้ 8 - 15 นัด และสามารถหยุดรถ และกางระบบพร้อมยิงได้ภายใน 2 นาที BARAK MX สามารถยิงสกัดกั้น PHL-03 (AR-2) ของกัมพูชาได้หรือไม่? คำตอบ คือ…. ได้ในทางทฤษฎี ถ้าระบบตรวจจับได้เร็วพอ และเลือกใช้จรวดที่เหมาะสม โดย BARAK MX ถูกออกแบบเป็น HIMAD, MRAD และ SAM แบบป้องกันหลายภัยคุกคาม รวมถึงจรวดพิสัยใกล้-กลาง, UAV / UCAV, เครื่องบิน และบางแบบของจรวดหลายลำกล้อง (MLRS) ซึ่ง PHL-03 ที่กัมพูชาได้รับจากจีน เป็นจรวดหลายลำกล้องขนาด 300 มม. พิสัยยิงระหว่าง 70 - 130 กิโลเมตร ความเร็ว 2 - 2.5+ มัค ซึ่งเป็นเป้าขนาดเล็กบินเร็วระดับ Quasi-ballistic Trajectory และบางแหล่งยังอ้างถึง AR-2 รุ่นอัปเกรดส่งออกของ PHL-03 ว่ามีพิสัยยิงไกลสูงสุด 160 กิโลเมตร แต่ก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า…. จีนให้จรวดกัมพูชาในครอบครองระยะไหนบ้าง มีรุ่นที่นำวิถีรึเปล่า โดย BARAK MX มีจรวดที่เหมาะสมต่อการสกัดกั้น 2 รุ่น คือ BARAK LR และ ER ระยะยิงระหว่าง 70 - 150 กิโลเมตร ที่ความสูงสกัดกั้น 20 - 30 กิโลเมตร แม้ในทางเทคนิคจะทำได้ แต่การสกัดกั้น MLRS ขนาดหนักอย่าง PHL-03 มีปัจจัยหลายอย่าง ดังนี้ เวลาตอบสนองต้องเร็วมาก ด้วยระยะยิง 70 - 130 กิโลเมตรของ PHL-03 ใช้เวลาโคจรถึงเป้าหมายประมาณ 60 - 90 วินาที ระบบเรดาร์ต้องตรวจจับทันทีตั้งแต่เริ่มยิง และระบบต้องคำนวณวิถี และยิงสกัดภายในไม่กี่วินาที โดย BARAK MX สามารถเชื่อมต่อเรดาร์ EL/M-2084 MMR หรือเรดาร์ระยะไกลอื่น ๆ ซึ่งรองรับการตรวจจับลูกจรวด ลูกปืนใหญ่ และลูกปืนครก (Rocket, Artillery and Mortar: RAM) ได้ จึงมีความเป็นไปได้สูงในการสกัดกั้น หากบูรณาการ IADS ครบวงจร…. หากยิงพร้อมกันหลายลูก (Salvo) PHL-03 ยิงทีเดียวได้ 12 นัด ระบบสกัดกั้นจึงต้องคำนวณว่า มี Interceptor ความหนาแน่นพอหรือไม่ โดยระบบ BARAK MX รองรับ Simultaneous Engagement หลายเป้าพร้อมกัน แต่ต้นทุนต่อการสกัดกั้นสูงมาก ราว 16 ล้านบาทต่อนัด และยิงสกัดกั้น MLRS จำนวนมากอาจทำให้เปลืองทรัพยากรในเวลาอันสั้น แต่กัมพูชาไม่มีจรวดนำวิถีระยะไกลสำรองเยอะขนาดนั้นแน่ ๆ โดยรถยิง 6 คัน ยิงพร้อมกันได้สูงสุดถึง 72 นัด ซึ่งมีข่าวว่าโดนกองทัพไทยทำลายรถยิงไป 1 - 2 คัน…. และในบางกรณี (ไม่ได้บอกว่ากรณีของกองทัพไทย ปะทะกับกองทัพกัมพูชา) จุดตกอาจไม่คุ้มค่าให้ยิงสกัดทุกลูก ถ้า MLRS มุ่งเป้าพื้นที่กว้างแบบ Area Attack ระบบป้องกันทางอากาศจะเลือกยิงเฉพาะลูกที่มุ่งใส่จุดยุทธศาสตร์ เช่น ฐานบิน, ศูนย์บัญชาการ, ระบบเรดาร์ และอยู่ใน “Envelope” หรือขอบเขตของการยิงสกัด แต่ถ้าเป็นกัมพูชา มันก็อาจยิงมั่วเหมือน BM-21 ได้ โดยไม่สนประชากรไทย 📌ข้อมูล และคุณลักษณะเฉพาะของระบบป้องกันภัยทางอากาศ และขีปนาวุธแบบบูรณาการแบบ “BARAK MX” - ประเภท: ระบบป้องกันภัยทางอากาศ และขีปนาวุธแบบบูรณาการ (Integrated Air and Missile Defence System) สามารถมอบการป้องกันแบบครอบคลุม ตอบสนองอย่างรวดเร็ว มีระยะยิงสั้นสุดต่ำ (Minimum Range), ติดตั้งหัวตรวจจับแบบคลื่นวิทยุ (RF seeker) ขั้นสูง สำหรับเป้าหมายที่มีค่าตัดขวางเรดาร์ต่ำ, ลายเซ็นการยิงต่ำ (Low Launch Signature), ความคล่องตัวสูง (High Maneuverability), กำลังทำลายสูง – หัวรบมีประสิทธิภาพ (Robust kill – Effective Warhead), สามารถโจมตีหลายเป้าหมายพร้อมกันได้ (Multiple Simultaneous Engagements) จากหลายทิศทาง และหลายระยะพร้อมกัน , การตรวจจับเป้าหมายรวดเร็ว และเชื่อถือได้ (Fast and Reliable Target Acquisition) และทนต่อมาตรการรบกวนอิเล็กทรอนิกส์สูง (High Immunity to ECM) นอกจากนี้ ยังสามารถทำงานได้ในทุกสภาพอากาศ ทั้งกลางวัน และกลางคืน สามารถต่อต้านโดรน โดยใช้มาตรการ Soft-kill ได้ - ผู้ผลิต: บริษัทอุตสาหกรรมการบิน และอวกาศอิสราเอล (Israel Aerospace Industries Ltd.: IAI) - มูลค่าต่อระบบ: 3,440.37 ล้านบาท ($107 million) *อิงจากการประกาศจัดซื้อล่าสุดในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2568 ของกองทัพอากาศไทย (RTAF) ทั้งนี้มูลค่าของระบบขึ้นอยู่กับการเจรจาจัดหาระหว่างประเทศ/ บริษัทผู้ผลิต กับประเทศผู้ซื้อ - ส่วนประกอบของระบบ: 1 ระบบประกอบด้วยศูนย์ควบคุมการรบ “BARAK BMC: Battle Management Centre” หรือรถฐานบังคับการ 1 คัน, ฐานยิงจรวดสกัดกั้น 3 แท่น ประกอบด้วยท่อยิงฐานละ 8 - 15 ท่อ รวม 24 - 45 นัด และชุดเซนเซอร์เรดาร์ตรวจจับ ซึ่งมี 2 แบบให้เลือก คือ IAI/ELTA ELM‑2138 MMR (Multi-Mission Radar) และ IAI/ELTA ELM‑2084 MMR (Multi-Mission Radar) - รูปแบบระบบยิง: ยิงแบบตั้งฉาก (Vertical Launch) ครอบคลุมพื้นที่ 360° - พิสัยปฏิบัติการยิง: 15 - 150 กิโลเมตร แบ่งเป็น BARAK SR: 15 กิโลเมตร, BARAK MR: 35 กิโลเมตร, BARAK LR: 70 กิโลเมตร และ BARAK ER: 150 กิโลเมตร - เพดานการยิง: 9 - 30 กิโลเมตร (29,528 - 98,425 ฟุต) แบ่งเป็น BARAK SR: 9 กิโลเมตร (29,528 ฟุต), BARAK MR: 20 กิโลเมตร (65,617 ฟุต), BARAK LR: 20 กิโลเมตร (65,617 ฟุต) และ BARAK ER: 30 กิโลเมตร (98,425 ฟุต) - ความเร็ว: สูงสุด 3 มัค หรือ 3,675.1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับ BARAK LR & ER - ความคล่องตัว: 50G สำหรับ BARAK MR, LR & ER - หัวรบ: ระเบิดแรงสูง - ระบบนำวิถี: Active RF Seeker หรือระบบตรวจจับ และติดตามเป้าหมายด้วยคลื่นวิทยุ โดยหัวตรวจจับปล่อยสัญญาณออกไปเอง เพื่อค้นหา และติดตามเป้าหมายด้วยคลื่นวิทยุ ซึ่งใช้เป็นสื่อส่งสัญญาณ และรับการสะท้อนกลับ โดยเมื่อสัญญาณกระทบเป้าหมาย ก็จะสะท้อนกลับสู่ Seeker ซึ่งจะคำนวณระยะ ทิศทาง และความเร็วของเป้า เพื่อให้จรวดปรับเส้นทางในสกัดกั้น หรือโจมตีเป้าหมาย มีจุดเด่น คือ ไม่ต้องพึ่งพาเรดาร์ภายนอก (Passive Guidance), สามารถติดตามเป้าหมายที่เคลื่อนที่เร็ว หรือหลบหลีกได้ และมีหัวตรวจจับเรดาร์แบบแอคทีฟ (Active Radar Seeker) อีกด้วย - ระบบขับเคลื่อน: BARAK MR ใช้มอเตอร์จรวดพัลส์เดี่ยว (Single-pulse), BARAK LR ใช้มอเตอร์จรวดพัลส์คู่ (Dual-pulse) และ BARAK ER ใช้มอเตอร์จรวดพัลส์คู่ (Dual-pulse) พร้อมบูสเตอร์ - มูลค่าต่อนัด: $500,000 หรือ 16.05 ล้านบาทต่อนัด สำหรับ BARAK ER ระยะยิง 150 กิโลเมตร - ประเภทเป้าหมาย: เครื่องบินรบ (Fighter), อากาศยานไร้คนขับทุกประเภท รวมถึงอากาศยานไร้คนขับติดอาวุธ (UAV Including UCAV), ฝูงอากาศยานไร้คนขับ (UAV Swarms), อาวุธลอยลำโจมตี (Loitering Munitions), เฮลิคอปเตอร์ทุกประเภท รวมถึงเฮลิคอปเตอร์โจมตี (All Helicopter Including Attack Helicopter), ขีปนาวุธร่อนเหนือทะเลระดับต่ำ และขีปนาวุธร่อนโจมตีภาคพื้น (Sea-skimming and Land Attack Cruise Missiles), ระเบิดร่อนนำวิถี (Gliding Bombs), ขีปนาวุธวิถีโค้ง หรือขีปนาวุธทิ้งตัวทางยุทธวิธี (Tactical Ballistic Missiles: TBM) และการป้องกันภัยคุกคามขีปนาวุธวิถีโค้งขั้นเสริม (Enhanced Ballistic Missile Defense) - ภารกิจ: การป้องกันเฉพาะจุด (Point Defence), การป้องกันพื้นที่ (Area Defence), การคุ้มครองกำลังรบ (Force Protection), การป้องกันขีปนาวุธวิถีโค้ง (Ballistic Missile Defense) - การทดสอบยิง: 22 มีนาคม พ.ศ. 2564 IAI ทดสอบยิงจรวดสกัดกั้น BARAK ER สำเร็จ ที่ระยะยิงสูงสุด 150 กิโลเมตร และเพดานสกัดกั้นสูงสุด 30 กิโลเมตร - การจัดหา และการส่งมอบ: เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 โมร็อกโกลงนามสัญญามูลค่า $500 million หรือ 1.6 หมื่นล้านบาท เพื่อจัดหาระบบ BARAK MX, เดือนมกราคม พ.ศ. 2566 โคลอมเบียลงนามสัญญามูลค่า $131.2 million หรือ 4.2 พันล้านบาท เพื่อจัดหาระบบ BARAK MX พร้อมจรวดแบบขนส่งด้วยรถบรรทุก ซึ่งจะส่งมอบภายในเดือนกันยายน พ.ศ. 2569, เดือนมีนาคม พ.ศ. 2566 IAI ร่วมมือกับ Daronmont Technologies ของออสเตรเลีย สำหรับโครงการ BARAK MX ภายใต้โครงการ AIR-6502, เดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 รัฐบาลสโลวาเกียลงนามข้อตกลงระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาลกับอิสราเอล สำหรับระบบป้องกันภัยทางอากาศภาคพื้นดินแบบ BARAK MX จำนวน 6 ระบบ มูลค่า $614 million หรือ 1.97 หมื่นล้านบาท สำหรับแท่นยิง, เรดาร์, อาวุธปล่อยนำวิถี และสิ่งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องตามการอนุมัติของรัฐบาลสโลวาเกีย ซึ่งมีกำหนดส่งมอบระหว่างพ.ศ. 2568 - 2572 และเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2568 กองทัพอากาศไทย ได้ประกาศผู้ชนะในโครงการจัดหาระบบป้องกัยภัยทางอากาศ จำนวน 1 ระบบ วงเงิน 3,440.37 ล้านบาท ($107 million) โดยจัดหาระบบ BARAK MX จำนวน 1 ระบบ ซึ่งไม่ทราบจำนวนของอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศแบบ BARAK ว่าจัดหารุ่นไหน จำนวนเท่าไหร่ และยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะจัดส่งเมื่อใด โดยหลังจากเหตุการณ์ปะทะชายแดนไทย - กัมพูชา ปลายเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2568 มีข่าวว่ากองทัพอากาศไทยจะเลือกระบบป้องกันภัยทางอากาศรุ่นนี้ และการจัดหา รวมถึงการรับมอบจะเป็นแบบ “ด่วนที่สุด” - การปฏิบัติการจริง: กองทัพอิสราเอล (IDF) เปิดเผยเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ว่ากำลังใช้งานระบบป้องกันภัยทางอากาศ BARAK เวอร์ชั่นภาคพื้นดิน โดยระบุว่ากองทัพอากาศอิสราเอล (IAF) ได้ใช้ระบบ BARAK ในภารกิจจริงเป็นครั้งแรก เพื่อยิงทำลายอากาศยานไร้คนขับ (UAV) 📌ข้อมูลเรดาร์ ELM‑2138 MMR ELM‑2138 MMR (Multi‑Mission Radar) คือเรดาร์ตรวจการณ์ และควบคุมการยิงแบบ 3 มิติ ประเภท Solid‑State AESA (Active Electronically Scanned Array) ทำงานในย่านความถี่ S‑band ถูกออกแบบมา เพื่อรองรับการป้องกันภัยทางอากาศหลายรูปแบบ ทั้งการตรวจจับ การติดตาม และการชี้เป้าสำหรับระบบสกัดกั้นของตระกูล Barak ภารกิจ (Missions) ตรวจจับอากาศยานทุกประเภท, ตรวจจับขีปนาวุธร่อน / Sea‑skimming, ตรวจจับ UAV / UAV Swarms, ตรวจจับลำกล้องปืนใหญ่/ จรวด/ ปืนครก (บางรุ่นรองรับ C‑RAM) และให้ข้อมูลนำวิถี (Fire Control) สำหรับระบบ Barak SR/MR/LR ด้านขีดความสามารถ (Capabilities) มีระยะตรวจจับ (Detection Range) ประมาณ 250 - 300 กิโลเมตร (ค่าจริงขึ้นกับเป้าหมาย, RCS และสภาพแวดล้อม) จำนวนเป้าหมายที่ติดตามได้ มากกว่า 100 เป้าหมายพร้อมกัน (Multi‑Target Tracking) ความสามารถในการตรวจจับเป้าหมายค่า RCS ต่ำ สามารถตรวจจับ UAV ขนาดเล็ก รวมถึงเป้าหมายล่องหนบางรูปแบบ เหมาะกับการต่อต้านเป้าหมายความเร็วสูง ขีปนาวุธร่อน ขีปนาวุธวิถีโค้ง (TBM, SRBM) และอาวุธพเนจรโจมตี (Loitering munitions) ด้วยการค้นหา และติดตามแบบ 360° การหมุนของเสาเรดาร์ความเร็วสูง + AESA scanning มีระบบมาตรการต่อต้านการรบกวนทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Counter‑Countermeasures: ECCM) และความทนทานสูงต่อการก่อกวนเรดาร์ (Jamming) เวลาเตรียมพร้อมใช้งาน ภายในไม่กี่นาที ภารกิจรองที่เรดาร์รองรับ (Secondary Missions) ตรวจจับ C‑RAM (จรวด, ปืนใหญ่, ปืนครก), ป้องกัน UAV swarm, ให้ข้อมูลนำวิถีแก่ระบบยิงในระดับกองพัน - กองพล รวมถึงการเฝ้าตรวจการณ์ชายฝั่ง (Coastal Surveillance) แพลตฟอร์มที่ใช้งาน (Platforms Using ELM‑2138 MMR) IAI Barak MX (SR/MR/LR/ER), ระบบป้องกันภัยทางอากาศของหลายประเทศในเอเชีย/ ยุโรป ซึ่งติดตั้งได้ทั้งรถลำเลียงล้อยาง, รถสายพาน และฐานติดตั้งประจำที่ (Fixed Site) ข้อเด่นที่สำคัญของ ELM‑2138 MMR คือ ครอบคลุมบทบาทตรวจจับทั้งหมดในระบบ Barak MX, ให้เวลาเตือนภัยล่วงหน้า (Early Warning) สูง, เด่นมากในการรับมือ UAV & Cruise missile, แพลตฟอร์มคล่องตัว เคลื่อนย้ายง่าย และมีเสถียรภาพในการต่อต้านการรบกวนอิเล็กทรอนิกส์ (ECCM สูงมาก) 📌ข้อมูลเรดาร์ ELM‑2084 MMR ELM‑2084 Multi-Mission Radar (MMR) เป็นเรดาร์ตรวจจับ 3 มิติ ประเภท AESA ทำงานในย่านความถี่ S‑band พัฒนาโดยบริษัท IAI/ELTA ถูกออกแบบ เพื่อรองรับหลายภารกิจ ทั้งการตรวจจับ เพื่อต่อต้านขีปนาวุธ, ป้องกันภัยทางอากาศ และ C‑RAM (Counter Rocket, Artillery, Mortar) ใช้การสแกนแบบ Electronically Scanned Array (ไม่มีการหมุนเสาเรดาร์) ภารกิจหลัก ตรวจจับ และติดตามขีปนาวุธวิถีโค้ง (TBM, SRBM, MRBM), ตรวจจับเครื่องบินรบ, UAV, เฮลิคอปเตอร์, Cruise Missile, เฝ้าระวัง และสกัด C-RAM (จรวด, ปืนใหญ่, ปืนครก) ส่วนภารกิจรอง คือ Fire Control สำหรับระบบป้องกันอากาศยาน, การแจ้งเตือนล่วงหน้า Early Warning และสนับสนุนการ Integrated Air & Missile Defence (IAMD) ด้านขีดความสามารถ (Capabilities) มีระยะตรวจจับสูงสุด 200 - 250 กิโลเมตร สำหรับขีปนาวุธ >200 กิโลเมตร เครื่องบินขับไล่ >150 กิโลเมตร จำนวนเป้าหมายที่ติดตามได้ >100 เป้าหมายพร้อมกัน มุมครอบคลุม 360° (Full Azimuth Coverage) มีความสามารถในการติดตามเป้าหมายที่ RCS ต่ำ เช่น UAV ขนาดเล็ก เป้าหมายที่มีความคล่องตัวสูง เช่น Cruise Missile มีความทนทานต่อ Electronic Counter-Countermeasures: ECM สูงมาก ภารกิจ และการใช้งาน (Mission Profiles)…. Anti-Ballistic Missile (ABM) ตรวจจับ และติดตามขีปนาวุธสั้น - กลาง - ยาว ให้ข้อมูลนำวิถีแก่จรวดสกัดกั้น, Air Defence (AD) ตรวจจับ และติดตามเครื่องบินรบ, UAV, Cruise Missile สนับสนุนระบบ Barak, Spyder, Iron Dome, C‑RAM ตรวจจับ และเตือนภัยลูกจรวด, ปืนใหญ่, ปืนครก ลดความเสียหายต่อพื้นที่ และกำลังพล แพลตฟอร์มที่ใช้งาน (Platforms) รถสายพาน, รถล้อยาง, Trailer, Fixed Site สำหรับ Integrated Air & Missile Defence (IAMD) รองรับ Integrated Systems กับ Barak MX / LR / ER (IAI), Iron Dome, David’s Sling และระบบป้องกันขีปนาวุธของหลายประเทศยุโรป และเอเชีย ข้อดีสำคัญ (Key Advantages) ครอบคลุมภารกิจ Multi-Mission ทั้งป้องกันอากาศยาน และขีปนาวุธ, ตรวจจับเป้าหมายความเร็วสูง และค่า RCS ต่ำได้ดี, การติดตั้ง เคลื่อนที่เร็ว และปรับใช้งานง่าย, ระบบ ECCM ขั้นสูง รองรับการโจมตีทางอิเล็กทรอนิกส์ สามารถ สนับสนุนระบบหลายชั้น เช่น Point Defence + Area Defence + Ballistic Missile Defence Military Weapons Military weapons Purchase weapons‼️ The wait is over.... Royal Thai Air Force (RTAF) 🇹🇭 selected company Israel Aerospace Industries Ltd. (IAI) State of Israel is the winner of the bid in the Air Force Base Development Project (Integrated Air Defense System: IADS) to purchase 1 high to medium air defense system (High to Medium Air Defense: HIMAD) type "BARAK MX" for 3,440.37 million baht ($107 million), which will be the first air defense system of the Royal Thai Armed Forces (RTARF). Cambodia's PHL-03 (AR-2) capable of intercepting threats from tactical ballistic missiles or short-range ballistic missiles (Tactical Ballistic Missile: TBM)* On 20 November B.E. 2568 ago, the Directorate of Logistics announced the winner of the bid for the Air Force Base Development Project (Integrated Air Defense System: IADS) with the details as follows. "Announcement of the Department of Defense of the Air Force regarding the announcement of the winner of the bid for the purchase of the Air Force Base Defense Development Project (IADS) through the selection method.... According to the Department of Air Force Development, there is a letter of invitation for purchase under the Air Force Base Defense Development Project (IADS). The selected person is the company ISRAEL AEROSPACE INDUSTRIES LTD. (IAI) of the State of Israel. The total price is the net price. 3,440,370,000 baht is the price Delivered at Place International Commercial Terms of 2020 (DAP INCOTERMS 2020) at the Department of Combat Aircraft, Air Force Command or the area designated by the Air Force, including transportation and insurance. Excludes import customs fees in Thailand, excludes withholding tax of 1% according to convention, and excludes 7% value-added tax, except for the cost of installation, training, technical services and transfer of technology both domestically and abroad. The price includes 7% value-added tax as of November 20, B.E. 2568" Previously, the Directorate of Operations of the Thai Air Force (RTAF) announced the publication of the procurement plan for the annual budget B.E. 2568 Code Release Plan M67100038049 dated 31 October B.E. 2567 with a total of 5 procurement plans, of which 1 of the 5 is in the 4th list of procurement plan code P67100112475 will be "Air Force Base Defense Development Project (Integrated Air Defense System: IADS) or High to medium air defense system (HIMAD) project budget 3,500 million baht ($101 million) later date On May 22, 2018, the Thai Air Force Department announced the average price for the Air Force Base Development Project, which is the Integrated Air Defense System (IADS) or the High to Medium Air Defense System (HIMAD). The agency that owns the project is the Air Force Department. (reference price) as of May 15, B.E. 2568 is 3,440,470,005 baht (using the exchange rate of 1 euro equals 37.3761 baht of the Bank of Thailand on May 13, 2568) with 3 sources of the middle price (price reference), namely Israel Aerospace Industries (IAI), Rafael Advanced Defense Systems Ltd. and the company Excalibur International a.s. According to the new edition of the Air Force White Book B.E. 2568 (RTAF White Paper 2025) The Air Force plans to procure a medium-long range air defense system in 3 phases divided into 1st fiscal year 2568 - 2571. The Air Force has a project to develop the Air Force's Military Base Defense (IADS) by supplying 1 Medium Range Air Defense System (MRAD) with spare parts, training and other necessary costs. with a firing range of not less than 30 nautical miles or 55.56 kilometers. Phase 2 - 3 Fiscal Year 2571 - 2574 and 2573 - 2576 The Air Force has a project to procure medium/long range air defense systems with equipment, spare parts, training and other necessary expenses. The Air Force Base Defense Development Project (Integrated Air Defense System - IADS) is a project created by the Air Force to increase the ability to defend air defenses and air bases from attack. This project involves the purchase and installation of air defense systems, including personnel training. IADS covers structures, equipment, personnel, procedures, and weapons used to fight against enemies in the air. IADS is an important part of maintaining national security and protecting air bases from air attacks. The main components of the IADS program include procurement of air defense systems, including detection, control and weapon systems; Installation of air defense system in the air base, training personnel to operate and maintain the system, development and improvement of command and control system (N-SOC C2) as well as procurement of communication equipment and replacement of ground-air radio system.... The goal of the IADS program is to increase air defense capabilities and reduce threat exposure

Saroeurn Som
: ⛔️🇹🇭ក្តៅៗភាគីសៀមបញ្ជាក់កងទ័ពអាកាសភូមិន្ទថៃបានប្រកាសទិញប្រព័ន្ធការពារដែនអាកាស IAI BARAK-MX ពីអ៊ីស្រាអែលក្នុងតម្លៃ ៣,៤ ពាន់លានបាតស្មើនឹង១០២លានដុល្លារ ដើម្បីការពារមូលដ្ឋានទ័ព និងស្ទាក់ចាប់ការគំរាមកំហែង នេះបើយោងតាមសៀវភៅសថៃ។ 
👉🏻ប្រព័ន្ធនេះនឹងត្រូវបានប្រើប្រាស់ដោយភាពជឿជាក់ និងសុវត្ថិភាពយ៉ាងហោចណាស់ ៣០ ឆ្នាំ ដោយរំពឹងថានឹងមានសេវាកម្មនៅឆ្នាំ ២០២៩។
👇🇹🇭កងទ័ពអាកាសភូមិន្ទថៃត្រូវបានគេរាយការណ៍ថាបានទិញប្រព័ន្ធការពារដែនអាកាស IAI BARAK-MX ពីអ៊ីស្រាអែលក្នុងតម្លៃ ៣,៤ ពាន់លានបាត ស្មើនឹង១០២លានដុល្លារដើម្បីបង្កើនសមត្ថភាពក្រោមគម្រោងអភិវឌ្ឍន៍ការពារមូលដ្ឋានទ័ព (IADS) ដូចដែលបានបញ្ជាក់នៅក្នុងសៀវភៅសឆ្នាំ ២០២៥។
👉🏻🇹🇭គោលដៅគឺដើម្បីរកឃើញ តាមដាន និងស្ទាក់ចាប់ការគំរាមកំហែងផ្លូវអាកាសទំនើបៗដោយភាពជាក់លាក់ និងប្រសិទ្ធភាពខ្ពស់ ក៏ដូចជាបង្កើនសមត្ថភាពព្រមានដំបូង ការទប់ស្កាត់ និងការឆ្លើយតបវាយលុក។
👉🏻គម្រោងនេះត្រូវបានគ្រោងទុក និងរំពឹងថានឹងចូលបម្រើការងារនៅឆ្នាំ ២០២៩។ប្រព័ន្ធនេះត្រូវបានទិញយកដោយយកចិត្តទុកដាក់ តម្លាភាព និងប្រសិទ្ធភាពចំណាយអតិបរមា ដើម្បីធានាបាននូវប្រតិបត្តិការដែលមានស្ថេរភាព និងសុវត្ថិភាពយ៉ាងហោចណាស់ ៣០ ឆ្នាំ។
👇ប្រព័ន្ធ BARAK-MX គឺជាប្រព័ន្ធដែលទទួលស្គាល់ជាអន្តរជាតិសម្រាប់ដំណើរការខ្ពស់របស់វា ដោយផ្តល់នូវការការពារ និងការគាំទ្រច្រើនស្រទាប់សម្រាប់ការគំរាមកំហែងជាច្រើនប្រភេទជាមួយនឹងស្ថាបត្យកម្មបណ្តាញ។ វាមានអង្គភាពបញ្ជា និងត្រួតពិនិត្យ រ៉ាដាគ្រប់គ្រងការបាញ់ ជើងបាញ់ និងមីស៊ីលនាំផ្លូវ។
👇ទាំងអស់ត្រូវបានដាក់នៅលើឡានដឹកទំនិញយោធាចល័តខ្ពស់ ដែលអនុញ្ញាតឱ្យមានចលនារហ័ស និងការត្រៀមខ្លួនប្រយុទ្ធ។
      វាក៏មានសមត្ថភាពទប់ទល់នឹងសង្គ្រាមអេឡិចត្រូនិក និងការវាយប្រហារតាមអ៊ីនធឺណិត រួមជាមួយនឹងប្រព័ន្ធបណ្តុះបណ្តាលក្លែងធ្វើ។ ការផ្គត់ផ្គង់ប្រព័ន្ធនេះគឺជាសមាសធាតុដ៏សំខាន់មួយក្នុងការបង្កើនការត្រៀមខ្លួនប្រយុទ្ធនៃប្រព័ន្ធការពារដែនអាកាសរបស់ប្រទេសទៅតាមស្តង់ដារអន្តរជាតិ និងគាំទ្រប្រតិបត្តិការរួមគ្នាពហុវិមាត្រជាមួយកងកម្លាំងប្រដាប់អាវុធ និងភ្នាក់ងារសន្តិសុខផ្សេងទៀត ដើម្បីការពារអធិបតេយ្យភាព និងផលប្រយោជន៍ជាតិក្នុងរយៈពេលវែង។ប្រភព ជំនិតមេយោធាថៃ.

ព្រះខ័ន - Preah Khan
កងទ័ពអាកាសថៃនឹងទិញប្រព័ន្ធមីស៊ីលការពារដែនអាកាសរយៈចម្ងាយមធ្យម តម្លៃ ១០៧លានដុល្លារ ពីអ៊ីស្រាអែល
កងទ័ពអាកាសថៃ បានសម្រេចចិត្តទិញប្រព័ន្ធមីស៊ីលការពារដែនអាកាស Barak MX ពីក្រុមហ៊ុន Israel Aerospace Industries (IAI) របស់ប្រទេសអ៊ីស្រាអែល។ នេះបើតាមការចុះផ្សាយរបស់កាសែតប្រចាំថ្ងៃអ៊ីស្រាអែល Haaretz កាលពីថ្ងៃទី២ ខែធ្នូ។ 

កិច្ចសន្យាទិញលក់នេះ មានតម្លៃប្រមាណ ៣.៤៤ប៊ីលានបាត ឬប្រហែល ១០៧លានដុល្លារអាមេរិក ក្នុងមួយគ្រឿង សម្រាប់បំពេញឱ្យយុទ្ធសាស្ត្រការពារមូលដ្ឋានទ័ពអាកាសរបស់ថៃ។ កាសែត Defence Blog ដែលបានរាយការណ៍អំពីកិច្ចព្រមព្រៀងទិញលក់នេះដែរ បានបញ្ជាក់ថា កងទ័ពជើងគោក និងកងទ័ពជើងទឹកថៃ ក៏កំពុងពិចារណាទិញប្រព័ន្ធមីស៊ីលនេះដែរ។

យោងតាមកាសែតថៃ ប្រព័ន្ធការពារដែនអាកាសនេះ នឹងក្លាយជាផ្នែកមួយនៃកម្មវិធីអភិវឌ្ឍប្រព័ន្ធការពារដែនអាកាសរួម (IADS) ដែលមានគោលបំណងកែលម្អសមត្ថភាពក្នុងការស្វែងរក, តាមដាន និងស្ទាក់ចាប់ រាល់ការគំរាមកំហែងតាមដែនអាកាសសម័យទំនើប។ កងទ័ពអាកាសថៃ (RTAF) រំពឹងថាប្រព័ន្ធនេះ នឹងអាចដាក់ឲ្យប្រើប្រាស់ នៅអំឡុងឆ្នាំ២០២៩ខាងមុខ។

សូមជម្រាបជូនថា ប្រព័ន្ធមីស៊ីលការពារដែនអាកាស Barak MX អាចស្ទាក់ចាប់ការគំរាមកំហែងនានាដូចជា យន្តហោះ, យន្តហោះដ្រូន, មីស៊ីលគ្រូស និងមីស៊ីលបាលីស្ទីក ក្នុងចម្ងាយរហូតដល់ ១៥០គីឡូម៉ែត្រ។ ប្រព័ន្ធ Barak MX ដែលប្រើប្រាស់បានទាំងលើផ្ទៃសមុទ្រ និងលើគោក ត្រូវបានគេរាយការណ៍ថាធ្លាប់បានបាញ់ទម្លាក់យន្តហោះដ្រូនរាប់សិបគ្រឿងពីប្រទេសយេម៉ែន, អ៊ីរ៉ង់ និងលីបង់៕

Mekong News
ប្រទេសថៃទិញប្រព័ន្ធការពារដែនអាកាស BARAK MX របស់អ៊ីស្រាអែល
តាមសេចក្តីរាយការណ៍របស់Defence blog បានរាយការណ៍​ថា កងទ័ពអាកាសថៃបានជ្រើសរើសប្រព័ន្ធការពារដែនអាកាស និងមីស៊ីល BARAK MX ពីក្រុមហ៊ុនឧស្សាហកម្មអវកាសអ៊ីស្រាអែល (IAI) ដែលជាផ្នែកមួយនៃផែនការរបស់ខ្លួនក្នុងការធ្វើឱ្យប្រសើរឡើងនូវការការពារមូលដ្ឋានជាតិក្រោមកម្មវិធីប្រព័ន្ធការពារដែនអាកាសរួមបញ្ចូលគ្នា (IADS) របស់ខ្លួន។ 

កិច្ចសន្យាទិញលក់នេះ ដែលមានតម្លៃ 3.44 ពាន់លានបាត (ប្រហែល 107 លានដុល្លារ) រួមមានអង្គភាព BARAK MX ពេញលេញមួយ ដែលធ្វើឱ្យវាក្លាយជាទ្រព្យសម្បត្តិការពារដែនអាកាសទំនើបបំផុតនៅក្នុងឃ្លាំងអាវុធរបស់ប្រទេសថៃរហូតមកដល់បច្ចុប្បន្ន។

យោងតាមការប្រកាសជាផ្លូវការ ប្រព័ន្ធ BARAK MX ត្រូវបានជ្រើសរើសដើម្បីទប់ទល់នឹងការគំរាមកំហែងតាមផ្លូវអាកាសដែលកំពុងវិវត្ត រួមទាំងយន្តហោះគ្មានមនុស្សបើក និងមីស៊ីលរយៈចម្ងាយឆ្ងាយ។ ប្រព័ន្ធការពាររយៈកម្ពស់ខ្ពស់ទៅមធ្យមនឹងជំនួសសមត្ថភាពចាស់ៗ និងបង្កើនការការពារច្រើនស្រទាប់សម្រាប់ទីតាំងយុទ្ធសាស្ត្រសំខាន់ៗ។

BARAK MX ដែលបង្កើតឡើងដោយ IAI គឺជាប្រព័ន្ធការពារដែនអាកាស និងមីស៊ីលម៉ូឌុល ដែលផ្តោតលើបណ្តាញ ដែលមានសមត្ថភាពស្ទាក់ចាប់ការគំរាមកំហែងជាច្រើនប្រភេទ - ចាប់ពីយន្តហោះ និងឧទ្ធម្ភាគចក្រ រហូតដល់មីស៊ីលបញ្ជា យន្តហោះគ្មានមនុស្សបើក និងសូម្បីតែមីស៊ីលផ្លោងអន្តរទ្វីប។  ប្រព័ន្ធនេះត្រូវបានសាកល្បងនៅក្នុងសមរភូមិក្នុងអំឡុងពេលប្រតិបត្តិការ "Rising Lion" របស់អ៊ីស្រាអែលក្នុងខែមិថុនា ជាកន្លែងដែលវាបានស្ទាក់ចាប់ការវាយប្រហារដោយមីស៊ីលរបស់អ៊ីរ៉ង់ដោយជោគជ័យ។
នៅក្នុងសេចក្តីថ្លែងការណ៍មួយ កងទ័ពអាកាសភូមិន្ទថៃបាននិយាយថា ការទិញយកនេះឆ្លុះបញ្ចាំងពីវិធីសាស្រ្តសកម្មមួយដើម្បីធានាសន្តិសុខជាតិប្រឆាំងនឹងការគំរាមកំហែងផ្លូវអាកាសទំនើប។
កងទ័ពអាកាសត្រូវតែត្រៀមខ្លួនសម្រាប់ការគំរាមកំហែងនាពេលអនាគតដោយការទិញយកប្រព័ន្ធអាវុធទំនើបៗដើម្បីបង្កើនការការពារផ្លូវអាកាស ដែលបច្ចុប្បន្នកំពុងប្រឈមមុខនឹងដែនកំណត់ក្នុងការដោះស្រាយជាមួយនឹងការគំរាមកំហែងដែលកំពុងលេចចេញជារូបរាងប្រកបដោយប្រសិទ្ធភាព"។
ការសម្រេចចិត្តរបស់ប្រទេសថៃក្នុងការវិនិយោគលើប្រព័ន្ធ HIMAD (ការពារផ្លូវអាកាសខ្ពស់ទៅមធ្យម) កើតឡើងចំពេលមានការព្រួយបារម្ភក្នុងតំបន់កាន់តែខ្លាំងឡើង។ រដ្ឋជិតខាងដូចជាកម្ពុជា និងមីយ៉ាន់ម៉ាកំពុងដាក់ពង្រាយប្រពន្ធ័វាយប្រហាររយៈចម្ងាយឆ្ងាយ រួមទាំងប្រព័ន្ធរ៉ុក្កែត PHL-03 របស់ប្រទេសចិន (130 គីឡូម៉ែត្រ) និងមីស៊ីលផ្លោងថ្នាក់ Scud របស់កូរ៉េខាងជើង (300-700 គីឡូម៉ែត្រ)។ ការរីកសាយភាយនៃយន្តហោះគ្មានមនុស្សបើក គ្រាប់រំសេវដែលហោះយឺតៗ និងមីស៊ីលបញ្ជាល្បឿន បង្កើនតម្រូវការសម្រាប់ដំណោះស្រាយស្ទាក់ចាប់ដែលអាចទុកចិត្តបាន។
 កងទ័ពជើងគោក និងកងទ័ពជើងទឹកភូមិន្ទថៃ ក៏ត្រូវបានគេរាយការណ៍ថាកំពុងវាយតម្លៃប្រព័ន្ធ BARAK MX សម្រាប់ការផ្គត់ផ្គង់នាពេលអនាគត ដែលអាចពង្រីកការប្រើប្រាស់របស់វានៅទូទាំងសេវាកម្ម ដើម្បីផ្តល់បណ្តាញការពារដែនអាកាសប្រតិបត្តិការរួមគ្នា។

U-Share2day
🚨✴️🚀🇮🇱🇹🇭👉 ថ្មីៗនេះប្រទេសថៃទិញប្រព័ន្ធការពារ ដែនអាកាស BARAK MX របស់អ៊ីស្រាអែល កងទ័ពអាកាសថៃបានជ្រើសរើសប្រព័ន្ធការពារ ដែនអាកាស និងមីស៊ីល BARAK MX ពីក្រុមហ៊ុន ឧស្សាហកម្មអវកាសអ៊ីស្រាអែល (IAI) ដែលជាផ្នែកមួយ នៃផែនការរបស់ខ្លួនក្នុងការធ្វើឱ្យប្រសើរឡើងនូវការ ការពារមូលដ្ឋានជាតិក្រោមកម្មវិធីប្រព័ន្ធការពារ ដែនអាកាសរួមបញ្ចូលគ្នា (IADS) របស់ខ្លួន។ កិច្ចសន្យា ផ្គត់ផ្គង់នេះ ដែលមានតម្លៃ ៣,៤៤ ពាន់លានបាត (ប្រហែល ១០៧ លានដុល្លារ) រួមមានអង្គភាព BARAK MX ពេញលេញមួយ ដែលធ្វើឱ្យវាក្លាយជាប្រព័ន្ធការពារ ដែនអាកាសទំនើបបំផុតនៅក្នុងឃ្លាំងអាវុធរបស់ប្រទេស ថៃរហូតមកដល់បច្ចុប្បន្ន។ យោងតាមការប្រកាសជា ផ្លូវការ ប្រព័ន្ធ BARAK MX ត្រូវបានជ្រើសរើសដើម្បី ទប់ទល់នឹងការគំរាមកំហែងតាមផ្លូវអាកាសដែលកំពុង វិវត្ត រួមទាំងយន្តហោះគ្មានមនុស្សបើក និងមីស៊ីលរយៈ ចម្ងាយឆ្ងាយ។ ប្រព័ន្ធការពាររយៈកម្ពស់ខ្ពស់ទៅ មធ្យម....ល ។ ប្រភពី: ASEAN Defense Studies

Reach Bot Toch សេដ្ឋកិច្ចធ្លាក់ គ្រោះទឹកជំនន់ ខ្យល់ព្យុះ សត្រូវខ្លាំង ភូមា មានយន្តចម្បាំង គេមានប្រាក់ទិញ ប្រព័ន្ឋការពារដែនអាកាសពី អ៊ីស្រាអែល !

 ថៃ ទទួលបានកិច្ចសន្យាទិញលក់ប្រព័ន្ធការពារដែនអាកាសដ៏ទំទើបនៃក្រុមហ៊ុន IAI របស់ អ៊ីស្រាអែល ។ ប្រព័ន្ធការពារអាកាសនេះឈ្មោះថា BARAK MX មានសមត្ថភាពការពាររហូតដល់ 150 គីឡូម៉ែត្រ មានប្រព័ន្ធ រ៉ាដាចាប់ ឧទ្ធម្ភាចក្រ យន្ដហោះចម្បាំង គ្រាប់មីសសុីលជាដើម ។ កងទ័ពអាកាស ថៃ បាននិយាយថា នេះគឺជាទំនើបកម្មមួយទៀតរបស់ដែនអាកាសប្រទេស ថៃ ។ khaosod ថ្ងៃ 03 ធ្នូ 2025

The Barak 8 system costs approximately $24 million per system, with individual missiles costing about $1.65 million each. The final price can vary based on the specific version (like the upgraded Barak MX), the number of systems purchased, and the country of purchase. 

Per System: The system itself (including the missile container, radar, and computers) costs about $24 million.
Per Missile: The cost for a single missile is approximately $1.65 million.

Price Fluctuation: The total cost can fluctuate significantly depending on the version and customer. For example, a deal for a large number of Barak MX systems for Slovakia was valued at over $500 million, while a deal with Azerbaijan for Barak systems was worth $1.2 billion. 


ASEAN Defense Studies Thailand buys Israel’s BARAK MX air defense system The Royal Thai Air Force has selected the BARAK MX air and missile defense system from Israel Aerospace Industries (IAI) as part of its plan to upgrade national base protection under its Integrated Air Defense System (IADS) program. The procurement contract, valued at 3.44 billion baht (approx. $107 million), includes one full BARAK MX unit, making it the most advanced air defense asset in Thailand’s arsenal to date. According to the official announcement, the BARAK MX system was chosen to counter evolving air threats, including drones and long-range missiles. The high-to-medium altitude defense system will replace older capabilities and enhance multi-layered protection for key strategic locations. Thailand’s decision to invest in a HIMAD (High to Medium Air Defense) system comes amid growing regional concerns. Neighboring states such as Cambodia and Myanmar are fielding long-range strike assets including China’s PHL-03 rocket systems (130 km) and North Korea’s Scud-class ballistic missiles (300–700 km). The proliferation of UAVs, loitering munitions, and cruise missiles further increases the need for reliable intercept solutions. The Royal Thai Army and Navy are also reported to be evaluating the BARAK MX system for future procurement, potentially expanding its use across services to provide a joint operational air defense network.

No comments:

Post a Comment